การเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต: แบบดิจิทัล vs แบบปรอท

Last updated: 16 ต.ค. 2568  |  10 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต: แบบดิจิทัล vs แบบปรอท

การเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต: แบบดิจิทัล vs แบบปรอท
        ความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในคนไทย และมักไม่มีอาการเตือนชัดเจน การตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำจึงมีความสำคัญทั้งในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และติดตามผลการรักษา เครื่องวัดความดันโลหิตจึงไม่ใช่อุปกรณ์ที่ควรมีเฉพาะในโรงพยาบาลหรือคลินิกเท่านั้น แต่ ควรมีติดบ้านสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และครอบครัวทั่วไป ด้วยเช่นกัน

1. เครื่องวัดความดันแบบปรอท (Mercury Sphygmomanometer)
จุดเด่น
  • ความแม่นยำสูงมาก: ถือเป็น “มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)” ในการวัดความดันโลหิตทั่วโลก เพราะค่าที่ได้มีความคงที่และเที่ยงตรง
  • ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่: สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงาน
  • เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์: เช่น โรงพยาบาล คลินิก และสถานพยาบาลที่ต้องการความแม่นยำระดับสูง
ข้อจำกัด
  • พกพาลำบาก: ตัวเครื่องมีน้ำหนักมาก ไม่เหมาะกับการใช้งานที่บ้านหรือการพกติดตัว
  • ต้องใช้ทักษะในการวัด: จำเป็นต้องใช้หูฟังทางการแพทย์และเทคนิคที่ถูกต้อง
  • ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม: ปรอทเป็นสารอันตราย หากรั่วไหลจะต้องกำจัดอย่างถูกวิธีตามมาตรฐานความปลอดภัย

        เครื่องแบบปรอทมักนิยมใช้ในสถานพยาบาลที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และคลินิกเฉพาะทาง

2. เครื่องวัดความดันแบบดิจิทัล (Digital Blood Pressure Monitor)
 จุดเด่น
  • ใช้งานง่าย: วัดค่าได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยสามารถใช้งานเองได้
  • เหมาะกับการใช้งานที่บ้าน (Homecare): ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • มีฟังก์ชันเสริม เช่น
  • บันทึกค่าอัตโนมัติ (Memory)
  • เชื่อมต่อกับแอปบนมือถือผ่าน Bluetooth/Wi-Fi
  • แจ้งเตือนภาวะผิดปกติของหัวใจ (เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ)
  • ไม่ต้องใช้ทักษะทางการแพทย์มาก: เหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป
ข้อควรระวัง
  • ความแม่นยำอาจน้อยกว่าแบบปรอท หากเลือกยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • ต้องเปลี่ยนถ่านหรือชาร์จแบตเตอรี่เป็นระยะ
  • อาจมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย หากผู้ใช้นั่งไม่ถูกท่าหรือขยับตัวขณะวัด

        เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง, ผู้สูงอายุ, คลินิกทั่วไป, โรงพยาบาลชุมชน, หรือการใช้งานติดบ้านเพื่อการติดตามสุขภาพประจำวัน

3. คำแนะนำในการเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต
1. เลือกชนิดเครื่องให้เหมาะกับการใช้งาน
  • แบบปรอท ➝ เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการความแม่นยำสูง
  • แบบดิจิทัล ➝ เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในบ้านหรือคลินิกขนาดเล็ก
 2. เลือกขนาดปลอกแขน (Cuff) ให้เหมาะกับรอบต้นแขน
  • ถ้าปลอกแขนเล็กเกินไป ➝ ค่าที่ได้จะสูงเกินจริง
  • ถ้าปลอกแขนใหญ่เกินไป ➝ ค่าที่ได้จะต่ำเกินจริง
  • สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป มักใช้ขนาด 22–32 ซม.
  • (และมีรุ่นสำหรับต้นแขนใหญ่ 32–45 ซม.)
 3. ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
  • ใบรับรอง อย. (ประเทศไทย)
  • มาตรฐาน ISO / CE / ESH (European Society of Hypertension)
  • ➝ บ่งบอกว่าเครื่องผ่านการทดสอบความแม่นยำระดับสากล

4. ตรวจสอบการรับประกันและบริการหลังการขาย
  • เลือกแบรนด์ที่มีศูนย์บริการในประเทศ
  • มีอะไหล่สำรองและสามารถสอบเทียบ (Calibration) ได้เมื่อใช้งานไปนาน ๆ
5. ความสามารถเพิ่มเติม (Optional)
  • ฟังก์ชันบันทึกค่าการวัดหลายคนในครอบครัว
  • การเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อดูกราฟย้อนหลัง
  • ระบบแจ้งเตือนถ้าสายรัดไม่แน่นหรือท่านั่งไม่ถูกต้อง

5. สรุป
  •  เครื่องวัดความดันแบบปรอท ➝ เหมาะสำหรับสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการความแม่นยำสูงที่สุด
  •  เครื่องวัดความดันแบบดิจิทัล ➝ เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในบ้าน ครอบครัวผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือคลินิกที่ต้องการความสะดวกและใช้งานง่าย
  •  ไม่ว่าจะเลือกแบบใด สิ่งสำคัญที่สุดคือ การใช้งานอย่างถูกต้อง และ การวัดเป็นประจำ เพื่อควบคุมโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เหมาะสำหรับ:
  • ครอบครัวผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
  • คลินิกทั่วไป / โรงพยาบาลชุมชน
  • โรงพยาบาลเอกชน / หน่วยงานสุขภาพ / Homecare

       เมื่อเลือกซื้อ ควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีใบรับรอง และบริการหลังการขายที่ดี เพื่อความปลอดภัยและความแม่นยำในการดูแลสุขภาพระยะยาว

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้